รามอส แนวรุกดาวรุ่งทีมชาติประเทศโปรตุเกส เปิดใจไม่คาดคิดว่าจะมีโอกาสครั้งสำคัญลงตัวจริงในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายฟุตบอลโลก ก่อนโชว์ฟอร์มยอดเยี่ยมยิงแฮตทริกพาทีมชนะ สวิตเซอร์แลนด์ ขาดลอย 6-1
รามอส พลิกโผลงตัวจริงแทน คริสเตียโน่ โรนัลโด้
ก่อนจัดการทำแฮตทริกพา ประเทศโปรตุเกส กระหน่ำ สวิตเซอร์แลนด์ 6-1 คว้าตั๋วเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายไปพบ โมร็อกโก ได้เป็นที่สำเร็จ
หลังระเบิดได้อย่างยอดเยี่ยม หัวหอกวัย 21 ปีจาก เบนฟิก้า ถูกถามว่าเคยฝันเอาไว้หรือไม่ว่าจะเป็นโอกาสในเกมสำคัญแบบนี้
“ไม่เคยอยู่ในความฝันสูงสุดของผมเลยที่ไปคิดว่าจะได้เป็นส่วนหนึ่งในตัวจริงสำหรับรอบน็อกเอาต์” รามอส กล่าว
ผู้รายงานข่าวถามต่อว่ารู้สึกถึงแรงกดใดๆก็ตามจากเจ้าของตำแหน่งเดิมอย่าง โรนัลโด้ หรือไม่ก่อนที่เจ้าตัวจะตอบว่า “เอาตามตรงนะ ในทีมของพวกเราไม่มีใครพูดเรื่องนี้เลย คริสเตียโน่ ในฐานะกัปตันของพวกเราทำในสิ่งที่เขาทำเสมอมา เขาช่วยพวกเรา เขากระตุ้นพวกเรา ไม่ใช่แค่เพียงผมนะ แต่ว่าเพื่อนร่วมทีมผมด้วย”
“รามอส” โชว์แฮตทริก! โปรตุเกส สุดโหดถล่ม สวิตเซอร์แลนด์ 6-1 ลิ่ว 8 ทีม
การแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ครั้งที่ 22 หรือ กาตาร์ 2022 รอบ 16 ทีมสุดท้าย ที่ลูซาอิล สเตเดียม ทีมชาติโปรตุเกส แชมป์กลุ่มเอช ลงสนามเจอกับ ทีมชาติสวิตเซอร์แลนด์ รองแชมป์กลุ่มจี
วันนี้ โปรตุเกส ได้ใช้แผน 4-3-3 ดร็อป คริสเตียโน โรนัลโด เป็นตัวสำรอง บรูโน แฟร์นันเดส, เชา เฟลิกซ์ และ กอนซาโล รามอส เป็นสามประสานล่าตาข่าย
ด้าน สวิตเซอร์แลนด์ มาในระบบ 4-2-3-1 บรีล เอ็มโบโล ค้ำหน้าเป้า รูเบน วาร์กัส, ฌิบริล โซว์ และเซอร์ดาน ชาคิรี คอยสนับสนุน
ผลการแข่งขันปรากฏว่า ทัพฝอยทองระเบิดฟอร์มสุดเฉียบเป็นฝ่ายถล่มเอาชนะไปขาดลอย 6-1 ได้ประตูจาก กอนซาโล ทำแฮตทริกนาที 17, 51 กับ 67, เปเป้ นาที 33,
ราฟาเอล เกร์เรโร นาที 55 และตัวสำรอง ราฟาเอล เลเอา นาที 90+2 ส่วนแข้งแดนนาฬิกาได้คืนจาก มานูเอล อคานจิ นาที 58
จากชัยชนะนัดนี้ ทำให้ ทีมชาติโปรตุเกส ผ่านเข้าไปพบกับ ทีมชาติโมร็อกโก ในรอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไป โดยมีคิวดวลกันในวันเสาร์ที่ 10 ธันวาคมนี้ เวลาประเทศไทย 22:00 น.
ประวัติของกอนซาโล
เกิดวันที่ 20 เดือนมิถุนายน 2001 ที่เมือง โอลเฮา โปรตุเกส ส่วนสูง 185 เซนติเมตร ปัจจุบันเขาอายุ 21 ปี ถนัดเท้าข้างขวา เขาเล่นให้กับ เบนฟิก้า ตลอดอาชีพการงานจนถึงปัจจุบัน โดยเข้าร่วมระบบเยาวชนของสโมสรในปี 2556 ขณะอายุ 12 ปี เขากำลังทำประตูให้กับทีม B ของสโมสร ได้รับการเลื่อนชั้นสู่ทีมชุดใหญ่เมื่อเริ่มต้นฤดูกาล 2021/22 เขาเดบิวต์ในเกมแชมเปียนส์ลีกรอบคัดเลือกที่พบกับสปาร์ตัก มอสโก แต่ก็พบว่าเป็นเรื่องยากที่ตามหลังคู่หูของดาร์วิน นูเนซและโรมัน ยาเรมชุก
เบนฟิก้า ชุดใหญ่
หลังจากเฉิดฉายกับทีมชุด บี จากการซัดไป 7 ประตูจาก 12 เกมเมื่อฤดูกาล 2020/21 ทางรามอส ก็เริ่มได้โอกาสมากขึ้นกับ เบนฟิก้า ชุดใหญ่ในยุคของ ฮอร์เก้ เฮซุสเขาได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบคัดเลือก รอบ 3 ที่อัด สปาร์ตตัก มอสโก ไป 2-0
เมื่อนูเนซย้ายไปลิเวอร์พูล เขาก็ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมในปีนี้ โดยยิงไป 14 ประตูและแอสซิสต์อีก 6 ลูกจาก 23 นัดรวมทุกรายการในฤดูกาลนี้ก่อนเบรกฟุตบอลโลก 2022 เมื่อเข้าสู่ฟุตบอลโลก เขาติดทีมชาติเพียงแค่นัดเดียว แต่ว่าลงเป็นตัวสำรองในช่วงสองเกมแรกของกลุ่ม เมื่อถึงเวลาที่เขาเปลี่ยนตัว คริสเตียโน โรนัลโด ในรายชื่อผู้เล่นตัวจริงที่พบกับสวิตเซอร์แลนด์ รามอสได้ลงเล่นเพียง 3 นัดซึ่งคิดเป็น 34 นาทีของการแข่งขันทั้งหมด เขามีฟอร์มในการเล่นที่ดีมากขึ้นและจับต้องได้มากขึ้น ยิงไป 7 ประตู และกดไปอีก 2 แอสซิสต์นั่นเลยทำให้เขากลายเป็นอาวุธหลักของเฮดโค้ชคนใหม่ทันที
ประตูแรกของ รามอส กับสวิตเซอร์แลนด์ในฟุตบอลโลกรอบ 16 ทีมสุดท้าย
ประตูดังกล่าวก็ทำให้รามอสกลายเป็นผู้ทำประตูที่อายุน้อยที่สุดเป็นอันดับสองของโปรตุเกสในฟุตบอลโลก รองจากคริสเตียโน โรนัลโด ชายที่เขาเข้ามาแทนที่ในตำแหน่งตัวจริง นอกจากนี้ยังหมายความว่า เขา มีเป้าหมายรอบน็อกเอาต์ฟุตบอลโลกมากกว่า โรนัลโด ซึ่งแปดประตูในฟุตบอลโลกทั้งหมดมาจากรอบแบ่งกลุ่ม